เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสีย มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียตามปริมาณการใช้น้ำ
“ใช้มาก จ่ายมาก ใช้น้อย จ่ายน้อย”
ระบบบัดน้ำเสียของเทศบาลนครแม่สอด เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และดำเนินการมาตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยองค์การจัดการน้ำเสียเป็นผู้ดำเนินการแทนเทศบาลตามข้อตกลงความร่วมมือในการจัดการปัญหาด้านน้ำเสียรวม หากต้องการเข้าเยี่ยมชมสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดการน้ำเสียฯ ตั้งอยู่ในบริเวณบ่อบำบัด หรือติดต่อได้ที่กองช่างสุขาภิบาล เทศบาลนครแม่สอด
แหล่งกำเนิดมลพิษ แบ่งเป็น 3 ประเภท
ประเภทที่ 1
บ้านเรือนที่พักอาศัย อาคารแถว อาคารซึ่งโดยปกติบุคคลใช้อยู่อาศัยได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยอย่างถาวร หรือชั่วคราว
ประเภทที่ 2
(1) หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรืออาคารที่ทำการของเอกชนหรือองค์การระหว่างประเทศ
(2) มูลนิธิ
(3) โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล
(4) โรงเรียน หรือสถานศึกษา
(5) สถานที่ประกอบ ธุรกิจขนาดเล็ก*
(6) สถานที่ใช้ประโยชน์ในลักษณะเดียวกับ ข้อ (1) – (4)
ประเภทที่ 3
(1) โรงแรม
(2) โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน
(3) สถานที่ประกอบ ธุรกิจขนาดใหญ่**
(4) สถานที่ใช้ประโยชน์ในลักษณะเดียวกับ ข้อ (1) – (2)
หมายเหตุ :
*ธุรกิจขนาดเล็ก หมายความว่า กิจการที่ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร
**ธุรกิจขนาดใหญ่ หมายความว่า
(1) กิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษามูลค่าเพิ่มและไม่ได้รับยกเว้น
ภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร
(2) กิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
การคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย
สูตรคำนวณค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย
( เลขมาตรวัดน้ำครั้งนี้ – เลขมาตรวัดน้ำครั้งก่อน ) × อัตราค่าธรรมเนียมตามประเภทของผู้ใช้น้ำ
ตัวอย่าง
ประเภทที่ 1 (อัตรา 1.50 บาทต่อหน่วย)
บ้านพักอาศัย อาคารแถว
= (438 - 425) × 1.50
= 3 × 1.50
= 19.50 บาท
ประเภทที่ 2 (อัตรา 2.00 บาทต่อหน่วย)
หน่วยงานราชการ มูลนิธิ โรงพยาบาล โรงเรียน ธุรกิจขนาดเล็ก
= (438 - 425) × 2.00
= 3 × 2.00
= 26 บาท
ประเภทที่ 3 (อัตรา 2.50 บาทต่อหน่วย)
โรงแรม โรงงาน ธุรกิจขนาดใหญ่
= (438 - 425) × 2.50
= 3 × 2.50
= 32.50 บาท
อัตราค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย หน่วย : บาทต่อลูกบาศก์เมตรของการใช้น้ำ
|
พ.ศ. |
แหล่งกำเนิดมลพิษ |
||
|
ประเภทที่ 1 |
ประเภทที่ 2 |
ประเภทที่ 3 |
|
|
2553 - 2562 |
1.50 - 2.50 |
2.00 - 3.00 |
2.50 - 3.50 |
|
2563 - 2572 |
2.00 – 3.00 |
2.50 – 3.50 |
3.00 – 4.00 |
หมายเหตุ แหล่งกำเนิดมลพิษประเภทที่ 1 – 3 ที่ใช้น้ำจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่น้ำประปาให้คิดอัตราการใช้น้ำจากค่าเฉลี่ยของแหล่งกำเนิดมลพิษแต่ละประเภท
การอุทธรณ์
หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสีย หรือผู้ใช้บริการรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ผู้ใดเห็นว่าประเภทขนาด และอัตราค่าบำบัดน้ำเสียหรือค่าบริการน้ำทิ้งที่เทศบาลจัดเก็บไม่ถูกต้อง สามารถยื่นคำร้องพร้อมพยานหลักฐานต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นเพื่อพิจารณาภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ค่าบำบัดน้ำเสียหรือค่าบริการน้ำทิ้ง
การพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง เจ้าพนักงานท้องถิ่นพิจารณาโดยไม่ชักช้า และมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบผลการพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวให้เป็นที่สุด
บทลงโทษ
หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสีย ผู้ใดหลีกเลี่ยงไม่จัดส่งน้ำเสียไปทำการบำบัดโดยระบบบำบัดรวมของทางราชการ (เทศบาลนคร แม่สอด) และลักลอบปล่อยน้ำเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอกเขตที่ตั้งของตน หรือจัดส่งน้ำเสียไปทำการบำบัดน้ำเสียรวมของราชการ แต่ไม่ยอมชำระค่าบริการตามที่กำหนดจะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท หรือตามมาตรา ๙0 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕
คำถามที่พบบ่อย
∆ ถาม : ทำไมต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ?
ตอบ : เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียขึ้นในเขตเทศบาลนครแม่สอด ดังนั้น เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสียทุกประเภทจึงมีหน้าที่จัดส่งน้ำเสียของตนไปทำการบำบัดและมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๗๒ ประกอบเทศบัญญัติเทศบาล เรื่องการจัดเก็บค่าบำบัด น้ำเสียและค่าใบอนุญาตให้ต่อท่อเชื่อม พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสียที่ใช้บริการรวบรวมและบำบัดน้ำเสียของเทศบาลมีหน้าที่ต้องเสียค่าบริการบำบัดน้ำเสียและค่าใบอนุญาตให้ต่อท่อเชื่อมน้ำเสีย
∆ ถาม : ทำไมต้องปรับอัตราค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียใหม่ ?
ตอบ : เพราะอัตราค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียแบบเหมาจ่ายไม่สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องปรับอัตราค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
∆ ถาม : ถ้าสถานประกอบการใดมีระบบบำบัดน้ำเสียแล้ว จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียหรือไม่ ?
ตอบ : หากสถานประกอบการใดมีระบบบำบัดน้ำเสียเป็นของตนเองแล้วจะได้รับข้อยกเว้นที่ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียก็ต่อเมื่อ น้ำที่ผ่านการบำบัดจากระบบบำบัดน้ำเสียของตนผ่านมาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้ง โดยให้ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำตามดัชนีตรวจวัด ได้แก่ pH, BOD5, SS, TDS, Settleable Solids, TKN, Oil and Grease และ Sulfide พร้อมแจ้งเทศบาลเพื่อเข้าตรวจสอบในวันที่ทำการเก็บตัวอย่างน้ำทิ้ง และรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งมายังเทศบาลนครแม่สอด
หากผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย
∆ ถาม : ถ้าคิดว่าค่าธรรมเนียมฯ ไม่ถูกต้องจะทำอย่างไรได้บ้าง ?
ตอบ : สามารถยื่นอุทธรณ์พร้อมหลักฐานการใช้น้ำและหลักฐานอื่น (ถ้ามี) ที่กองช่างสุขาภิบาล เทศบาลนครแม่สอด เพื่อพิจารณาตรวจสอบภายใน 15 วัน นับจากที่ได้รับใบแจ้งหนี้ค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย
∆ ถาม : ทำไมเทศบาลไม่จ่ายให้ ?
ตอบ : เทศบาลมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการระบบบำบัดน้ำเสียอยู่แล้วซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเป็นการปลูกจิตสำนึกให้มีวินัยในการใช้น้ำ แต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่เหลือองค์การจัดการน้ำเสียร่วมกับเทศบาลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายฝ่ายละเท่าๆกันแทนประชาชน
∆ ถาม : เทศบาลแห่งใดบ้างจัดเก็บค่าบำบัดน้ำเสีย?
ตอบ : มีทั้งหมด 9 แห่ง คือ เทศบาลนครอุดรธานี จ.อุดรธานี, เทศบาลตำบล บางเสร่ จ.ชลบุรี, เทศบาลตำบลบ้านเพ จ.ระยอง, เทศบาลนครสงขลา จ.สงขลา, เทศบาลเมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร, เทศบาลเมืองกระบี่ จ.กระบี่, เทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี, เทศบาลเมืองป่าตอง จ.ภูเก็ต และเทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก
∆ ถาม : ค่าธรรมเนียมฯ ที่จัดเก็บแล้วนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร ?
ตอบ : รายรับค่าธรรมเนียมฯ แบ่งเป็น ๒ ส่วน
ส่วนที่ ๑ ส่งคืนกองทุนสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อเป็นงบประมาณกลางให้ท้องถิ่นอื่นรวมถึงเทศบาลเอง ก่อสร้างและขยายระบบบำบัดน้ำเสียให้ครอบคลุมพื้นที่ต่อไป
ส่วนที่ ๒ เทศบาลนำไปใช้ดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย (ค่าดูแลและซ่อมบำรุง ประมาณ ๒.๒ ล้านบาท/ปี)


ประชาสัมพันธ์ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง